วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี

สมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
   ในปี พ.ศ.2324 ได้เกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ในกรุงธนบุรี เหล่าขุนนาง และประชาชน ต่างก็ได้อันเชิญสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก กลับปราบดาภิเภษขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325
   ภายหลังจากพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว พระองค์มีพระราชกรณียกิจที่สำคัญก็คือ ฟื้นคืนความสงบของบ้านเมือง และการตั้งราชธานีใหม่ ให้มีความยิ่งใหญ่ ดั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักร แต่เนื่องจากกรุงธนบุรี ไม่เหมาะแก่การเป็นราชธานีอีกต่อไป
แผนที่ของกรุงธนบุรี
   เพราะกรุงธนบุรีมีพื้นที่คับแคบ มีวัดขนาบทั้ง 2 ข้าง แถมยังเป็นเมืองอกแตก ถูกข้าศึกโจมตีได้ง่าย และฝั่งตะวันตกของกรุงธนบุรีไม่มีปราการทางธรรมชาติ อย่างเช่น แม่น้ำ หรือคูคลองเลย อาจทำให้ข้าศึกเข้าประชิดเมืองได้ง่าย และกรุงธนบุรีเป้นเขตท้องคุ้งน้ำ เซาะตลิ่งพังได้ง่าย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี ไปยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า "บางกอก" เป็นเขตชุมชนพ่อค้าชาวจีนที่เข้ามาค้าขายในเมืองไทย 
กรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช



พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเลือกทางฝั่งตะวันออกเป็นราชธานี เพราะว่า พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเป็นบริเวณหัวแหลม และมีลำน้ำเจ้าพระยาเป็นปราการธรรมชาติ อีกทั้งพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ราบลุ่ม มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตกรรม ทำไร่ ทำนาและยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสามารถวางผังเมืองได้ง่าย และมีทำเลใกล้ทะเล และเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถเดินทางติดต่อค้าขายได้สะดวก ส่งผลให้อาณาจักรไทยมีความั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรืองในเวลาต่อมา
   อนึ่งในยุคล่าอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตก ทำเลที่ตั้งของประเทศไทยยังมีส่วนช่วยให้ไทยธำรงความเป็นรัฐอิสระเอาไว้ได้ เนื่องจากอังกฤษและฝรั่งเศส ไม่ประสงค์ที่จะทำสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจในการยึดครองประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยุ่กึ่งกลางระหว่างอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้อังกฤษกับฝรั่งเศสทำสนธิสัญญาทวิภาคีขึ้น เพื่อประกันความเป็นเอกราชของไทยเอาไว้
   
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น